เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราได้สร้างแบบสอบถามเพื่อสำรวจข้อมูลจากบุคคลทั่วไป ว่าสิ่งใดที่ลูกค้าพบเจอแล้วไม่ชอบที่สุด เมื่อต้องเข้าไปทานอาหารในร้าน ซึ่งสรุปผลข้อมูลได้ดังนี้ค่ะ จากแผนภาพข้างบน เราสามารถจัดอันดับสิ่งที่ลูกค้าไม่ชอบเมื่อต้องไปทานอาหารที่ร้านได้ดังนี้
ในส่วนของอื่น ๆ มีการตอบเข้ามาอาทิ อาหารบางเมนูหมดแต่ไม่แจ้งล่วงหน้า, อาหารหรือภาชนะไม่สะอาด, ภาพอาหารในเมนูไม่เหมือนกับอาหารที่ได้จริง, พนักงานไม่มีความรู้ในเมนูอาหาร ฯลฯ เราจะพบว่า สิ่งที่ลูกค้าไม่พอใจมักจะเกิดจากการให้บริการของพนักงานเสิร์ฟที่ไม่ดีพอในสายตาของลูกค้า ทั้งรออาหารนาน การไม่เป็นมิตรกับลูกค้า ได้รับอาหารผิดออเดอร์ หรือพนักงานไม่พอรับออเดอร์ หากคุณเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้วมีปัญหาเหล่านี้ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าเข้าร้านของคุณน้องลงก็เป็นได้นะคะ เพราะถ้าลูกค้าพบว่าร้านของคุณให้บริการไม่ดี เขาก็พร้อมจะย้ายไปหาร้านอื่นทันที เพราะมองว่ายังมีร้านอาหารอีกมากมายเป็นตัวเลือก ดังนั้น คุณควรอบรมพนักงานเสิร์ฟให้มี service mind ที่ดีขึ้น เพื่อไม่ให้พนักงานสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าของคุณ และรักษาฐานลูกค้าของคุณไปด้วยในตัวค่ะ แต่ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดจากพนักงานเสิร์ฟล้วน ๆ เช่น ร้านอาหารไม่สะอาดอาจเป็นเพราะแม่บ้านทำความสะอาดทำความสะอาดไม่ครบทุกจุด ลูกค้ารออาหารนานอาจเป็นเพราะพ่อครัวทำไม่ทัน เป็นต้น
นั่นทำให้พนักงานที่คุณควรอบรมไม่ได้มีแค่ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ แต่ต้องอบรมพนักงานในตำแหน่งอื่นด้วย เพราะว่าหน้าที่ให้บริการลูกค้านั้นไม่ได้มีแค่พนักงานเสิร์ฟที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น แต่พนักงานทุกตำแหน่งต้องใส่ใจในการให้บริการลูกค้าด้วยเช่นกัน แม้ว่าบางตำแหน่งจะไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเลยก็ตาม เพราะงานบริการเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งทางตรงและทางอ้อมนั่นเองค่ะ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เราได้สร้างแบบสอบถามเพื่อสำรวจข้อมูลจากบุคคลทั่วไปเรื่องการเลือกใช้หน้ากากเมื่อต้องออกไปข้างนอก ซึ่งสรุปผลข้อมูลได้ดังนี้ค่ะ จากผลการสำรวจพบว่า คนไทยกว่า 3 ใน 4 เลือกใช้หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เป็นหลัก โดยเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ 81% และรองลงมาเล็กน้อยคือหน้ากากผ้า 76%
ส่วนหน้ากากชนิดอื่นที่คนไทยเลือกใช้ค่อนข้างน้อย โดยมีคนเลือกใช้หน้ากากคาร์บอน 11% หน้ากาก N95 5% และหน้ากาก Pitta mask 5% สาเหตุที่หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของคนไทยในการใส่ออกไปข้างนอก เพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย ใส่สบาย พกพาสะดวก และมีราคาถูก โดยคนที่เลือกใส่หน้ากากผ้านั้นชอบที่สามารถนำหน้ากากมาซักเพื่อใช้ได้ใหม่เรื่อย ๆ ในขณะที่คนเลือกใส่หน้ากากอนามันเพราะมองว่าป้องกันได้ดีกว่า ใช้แล้วทิ้งได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาซัก ส่วนหน้ากากชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตัวเลือกที่นิยมอาจเป็นเพราะ ไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย ต้องซื้อตามร้านค้าออนไลน์ ปริมาณสินค้ามีน้อย หรือมีประสิทธิภาพในการป้องกันที่น้อยกว่าหน้ากากสองชนิดแรก และในกรณีของหน้ากาก N95 อาจเป็นเพราะมีราคาค่อนข้างสูงและสวมใส่ยากอีกด้วย จุดที่น่าสังเกตคือ ยังมีคนบางส่วนที่เลือกจะไม่ใส่หน้ากากใด ๆ เลยด้วย ซึ่งแม้ว่าจะมีจำนวนน้อยที่ 5% ก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดได้อยู่ค่ะ ดังนั้น เราจึงควรใส่หน้ากากป้องกันตัวเวลาออกไปข้างนอกเสมอ ไม่ว่าจะเลือกใส่หน้ากากชนิดใดก็ตาม เพื่อป้องกันตัวเราเองจากการติดเชื้อ และลดโอกาสการแพร่ระบาดสู่ผู้อื่นนะคะ เมื่อเข้าฤดูหนาวแล้ว ช้อปเปอร์หลายคนอาจจะเตรียมเสื้อกันหนาวไว้รอรับลมหนาวที่กำลังจะมาถึงกัน แต่อย่าลืมว่า สิ่งที่ตามมาด้วยกับลมหนาวนั่นก็คือ ฝุ่น PM 2.5 นั่นเอง หลายคนอาจเข้าใจผิด ตื่นเช้ามาเห็นตึกที่อยู่ไกล ๆ ไม่เห็น เลยคิดว่าเป็นหมอก โดยไม่ทันระวังว่านั่นเป็นฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายกับร่างกายของเรา ซึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันฝุ่นเหล่านี้ได้ก็คือ หน้ากาก N95 แต่ครั้นจะให้ใส่หน้ากากทุกวันก็ไม่ไหว เพราะหลายคนก็มักจะบ่นกันว่า หน้ากาก N95 ใส่แล้วหายใจไม่สะดวก อึดอัด รัดแน่นเกินไป จนพาลไม่อยากใส่กัน ยอมสูดฝุ่นเข้าไปดีกว่าต้องมาอึดอัดทรมานกับหน้ากาก และฝุ่นก็ไม่ได้มีเยอะทุกวันด้วย ดังนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำแอพพลิเคชั่นมือถือไว้ให้ช้อปเปอร์ตรวจเช็คค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านกันค่ะ โดยเราขอแนะนำแอพเด่น ๆ 3 แอพ ดังนี้ AirVisual แอพนี้สามารถเช็คค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศแบบ Real-time สามารถบันทึกจุดที่เราต้องการดูค่าฝุ่นเป็นประจำได้ เปรียบเทียบค่าฝุ่นในแต่ละพื้นที่ได้ด้วย ตรวจดูค่าฝุ่นภายในและนอกอาคารได้ แอพสามารถพยากรณ์ค่าฝุ่นล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ดูประวัติค่าฝุ่นย้อนหลังได้ 1 เดือน และสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นเกินระดับความปลอดภัยได้อีกด้วยค่ะ Air4Thai ถ้าคุณต้องการดูค่าฝุ่นแค่เฉพาะในไทยเท่านั้น เราก็ขอแนะนำแอพนี้เลยค่ะ โดยแอพนี้มีหน้าตาที่สวยงาม ใช้งานง่าย โดยข้อมูลมาจากกรมควบคุมมลพิษ อัพเดตทุกชั่วโมง(บางสถานี)ค่ะ นอกจากนี้ ในแอพยังมีเอกสารสาระความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ให้ดาวน์โหลดไปอ่านกันด้วยนะคะ LINE Today หากช้อปเปอร์ไม่อยากจะติดตั้งแอพเพิ่มเติม และมีแอพ LINE อยู่แล้ว ก็สามารถเช็คค่าฝุ่นได้ง่าย ๆ ผ่านแอพ LINE ด้วยการเข้าไปดูในฟีเจอร์พยากรณ์อากาศของ LINE Today จากในหน้า Top แล้วเลื่อนจอลงด้านล่างมาที่แถบพยากรณ์อากาศ
โดยข้อมูลที่ LINE ใช้ อ้างอิงมาจากแอพ AirVisual ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และอัพเดตใหม่ตลอดเวลาค่ะ ทั้ง 3 แอพนี้สามารถโหดลติดตั้งใช้งานได้ฟรีทุกแอพ และใช้งานได้ทั้งใน iOS และ Android ค่ะ เพียงเราเปิดแอพขึ้นมาเช็คข้อมูลก่อนออกจากบ้านหนึ่งครั้ง ว่าค่าฝุ่นวันนี้เป็นอย่างไร ก็จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าควรใส่หน้ากาก N95 ออกจากบ้านไหมแล้วค่ะ หากขึ้นเตือนเป็นสีส้มหรือแดงก็ควรจะใส่หน้ากาก N95 ก่อนออกจากบ้าน แต่ถ้าเป็นสีเขียวหรือเหลืองก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราได้ทำการสำรวจช้อปเปอร์ผ่านกิจกรรมตอบแบบสอบถามลุ้นรับรางวัล ซึ่งสรุปผลข้อมูลได้ดังนี้ จากผลการสำรวจพบว่า ลูกค้าไทยกว่าครึ่งยังมีพฤติกรรมลดการใช้จ่ายต่าง ๆ อยู่ หลังเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 แม้เวลาจะผ่านมาเกินกว่าครึ่งปีแล้วก็ตาม
โดยแบ่งเป็น รอให้สินค้าจัดโปรโมชั่น, ให้ส่วนลด, ลดราคา ฯลฯ ที่ 92% ชะลอการใช้จ่ายทีละมาก ๆ เช่น ซื้อรถ เฟอร์นิเจอร์ หรือไปเที่ยวพักร้อนที่ 67% ตามด้วยการลดทอนสิ่งที่ต้องซื้อใช้รายวันที่ 62% สิ่งที่น่าสนใจคือ มีลูกค้ามากถึง 92% ที่มีพฤติกรรมการรอให้สินค้าจัดโปรโมชั่น, ให้ส่วนลด, ลดราคา ฯลฯ เท่ากับว่า ลูกค้ายังพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง หากสินค้าที่ต้องการมีการจัดโปรโมชั่นหรือให้ส่วนลดที่พอจะจ่ายได้อยู่ ส่วนการลดการซื้อสินค้าทั้งแบบรายวันและจ่ายเป็นก้อนใหญ่นั้น ยังมีการชะลออยู่ทั้งคู่ไม่ต่างกัน ซึ่งมีถึง 2 ใน 3 ของผู้ทำแบบสำรวจทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นสำหรับธุรกิจแล้ว แม้จะเห็นว่าลูกค้าโดยรวมลดกำลังการซื้อลงก็จริง แต่ถ้าจัดโปรโมชั่น ลดราคา หรือให้ส่วนลดที่เหมาะสม ลูกค้าก็ยังสามารถซื้อสินค้าหรือบริการของคุณได้อยู่ ซึ่งเราจะเห็นได้จากธุรกิจหลาย ๆ เจ้า ที่ออกโปรโมชั่นพิเศษออกมา เช่น โรงแรมเปิดให้เช่าห้องอยู่อาศัย สายการบินจัดทัวร์บินไหว้พระทั่วประเทศ หรือร้านอาหารออกสินค้าขนาดเล็กในราคาย่อมเยาว์ให้ได้เลือกซื้อ เป็นต้น แม้การทำตามวิธีนี้จะไม่ได้ทำให้รายได้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก็ทำให้ยังพอมีรายได้เข้ามาหมุนเวียนใช้จ่ายกันภายในได้อยู่ เพื่อประคับประคองธุรกิจให้ยังดำเนินต่อไปได้นั่นเอง ในแต่ละเดือน เรามีกิจกรรมให้ช้อปเปอร์ร่วมสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เราส่งคำถามง่าย ๆ หนึ่งคำถามให้ช้อปเปอร์ได้ร่วมสนุกกัน จากคำถามของเดือนที่แล้ว เรามาดูกันค่ะว่าคนไทยนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องใดในชีวิตมากกว่ากัน จากการสำรวจพบว่า คนไทยนั้นให้ความสำคัญกับสุขภาพตนเองเป็นอันดับหนึ่ง มีคนเลือกมากถึง 93% ส่วนตัวเลือก "มีความสุข" และ "ฐานะการเงินมั่นคง" ก็มีคนเลือกเยอะไม่แพ้กันที่ 85% และ 81% ตามลำดับค่ะ
จากภาพ สามารถสรุปข้อมูลความสำคัญในชีวิตได้ดังนี้
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ผู้ตอบคำถามไม่ได้ให้ความสำคัญกับการ "เป็นคู่รัก/คู่สมรสที่ดี" และ "เป็นพ่อแม่ที่ดี" เท่าไหร่นัก โดยที่ค่าเฉลี่ยของทั้งสองข้อนั้นอยู่ห่างกันกับสามตัวเลือกแรกถึงกว่า 50% เลยทีเดียวค่ะ การตระหนักว่าอะไรสำคัญในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต เพราะจะทำให้เราตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ต้องการทำให้สำเร็จได้ และสร้างพฤติกรรมและกระบวนการที่สอดคล้องเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ไม่ว่าช้อปเปอร์จะให้ความสำคัญกับสิ่งใดในชีวิต พวกเราขอให้ทุกท่านทำได้ตามเป้าหมายที่ต้องการนะคะ |
AuthorHS Brands Global (Thailand) Team Categories
All
Archives
January 2024
|