บทความ

ช่วงโควิด เราได้เก็บข้อมูลโดยให้คนทั่วโลกกรอกแบบสอบถาม ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอผลการสำรวจจากทั่วโลกไปแล้ว ครั้งนี้เราได้เลือกเฉพาะผลการสำรวจในทำในประเทศไทยมานำเสนอ 

จากความคิดเห็นของผู้ทำแบบสำรวจระหว่างวันที่ 1-25 พฤษภาคม 2563 จำนวน 516 คน พบว่า.....

89% ของผู้ทำแบบทดสอบในเมืองไทย มีความมั่นใจว่าจะออกใช้ชีวิตในสถานที่มีคนพลุกพล่านได้ 

73% เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น และความมั่นคงทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวภายในธันวาคม 2563 นี้

คนส่วนใหญ่วางแผนกจับจ่ายใช้สอยในหมวดหมู่ท่องเที่ยวและสถานบันเทิงหลังช่วงล๊อกดาวน์ลดลงอย่างมาก

การการกรอกแบบสอบถาม พบว่า คนไทยจับจ่ายใช้สอยสินค้าในหมดเครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน สื่ออนไลน์ การลงทุนส่วนบุคคล/การออม และการสั่งอาหารออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

75% ของคนส่วนใหญ่กรอกแบบสอบถามในช่วง 1-25 พฤษภาคม 2563 ว่าตนมีพฤติกรรมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าเดิม

จากสถิติทาง HSB เก็บมานั้น เห็นได้ว่า พฤติกรรมการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างสำคัญ เราจึงอยากเน้นย้ำให้ธุรกิจทั้งหลายให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับลูกค้าและสร้างช่องทางขายออนไลน์ที่เข้มแข็ง เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างรายได้ที่มากขึ้น
​

เราได้ทำแบบสอบถามโดยให้คนกว่า 5600 ทั่วโลกแสดงความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับการใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงล๊อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด

มาดูกันว่าผู้คนคิดเห็นเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอยอย่างไร ​

ผู้คนเกือบครึ่งหนึ่งมั่นใจที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านเหมือนเดิม แต่มีมากกว่าครึ่งที่ยังรู้สึกไม่อยากออกไปเจอคนพลุกพล่าน
47% ของผู้กรอกแบบสอบถามทั้งหมดมีความมั่นใจจะไปสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านหลังจากล๊อกดาวน์ แต่ 53% ไม่มั่นใจจะไปยังสถานที่มีคนพลุกพล่าน 

ส่วนเรื่องความมั่นคงด้านเศรษฐกิจนั้น ส่วนใหญ่เห็นว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
58% เห็นว่าต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือน อาจใช้เวลานานมาก สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจึงฟื้นตัว
36% เห็นว่าต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน และเมื่อถึงปลายเดือนธันวาคมปี 2563 กรณีจะกลับมาดีเหมือนเดิม
แต่มี 6% ที่เห็นว่า ไม่เกินหกเดือน ทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิม

เราได้ถามเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอยในอนาคตและพบข้อมูลหลายอย่างที่น่าสนใจ 

• ภาคการท่องเที่ยวและสถานที่บันเทิงต่างๆ นั้นผู้คนคาดการณ์ว่าจะใช้เงินในด้านนี้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ 
• สัดส่วนของผู้คนจำนวนมากถึง คาดว่าจะใช้เงินกับสื่อออนไลน์ สิ่งอุปโภคบริโภคในครัวเรือน และการสั่งอาหารออนไลน์ มากขึ้น ในขณะผู้คนเกือบกึ่งหนึ่งยังรักษาพฤติกรรมใช้เงินกับสื่อออนไลน์ สิ่งอุปโภคบริโภคในครัวเรือนและการสั่งอาหารออนไลน์ในแบบเดิม
  
  • ​สื่อออนไลน์
    
    • 13% ของผู้กรอกแบบสำรวจคาดการณ์ว่าตนจะใช้เงินน้อยลงกับสื่อออนไลน์
    • 31% คาดว่าจะซื้อสื่อออนไลน์มากขึ้น 
    • 56% ยังคงบริโภคเท่าเดิม 
  • ท่องเที่ยว
    
    • 61% คาดการณ์ว่าจะใช้เงินกับการท่องเที่ยวลดลง
    • 17% คาดการณ์ว่าหลังจบโควิดแล้วจะใช้เงินกับการท่องเที่ยวมากขึ้น 
    • 22% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เงินสำหรับท่องเที่ย
  • การสั่งอาหารออนไลน์
    
    • 24% คาดว่าจะสั่งอาหารออนไลน์ลดลงหลังจากช่วงล๊อกดาวน์
    • 28% คาดว่าจะมีการสั่งอาหารทางออนไลน์เพิ่มขึ้น
    • 51% คาดการณ์ว่าพฤติกรรมการสั่งอาหารออนไลน์จะเป็นแบบเดิมกับช่วงก่อนโควิด
  • สินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือน
    
    • มี 14% เห็นว่าจะซื้อของอุปโภคบริโภคในครัวเรือนลดลง
    • 29% คาดว่าจะซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนเพิ่มขึ้น
    • 57% คาดว่าพฤติกรรมการซื้อของตนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

จะเห็นได้ว่า แม้ผลจากแบบสอบถามจะไม่สามารถระบุได้ว่าผู้คนจะใช้เงินเป็นจำนวนเท่าไร แต่เราได้เห็นแนวโน้มว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อสินค้าในหมวดหมู่ออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองก็น่าจะจุดประกายให้ธุรกิจต่างๆ หันมาใส่ใจกับการบริการลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเหมาะสม