เมื่อเข้าฤดูหนาวแล้ว ช้อปเปอร์หลายคนอาจจะเตรียมเสื้อกันหนาวไว้รอรับลมหนาวที่กำลังจะมาถึงกัน แต่อย่าลืมว่า สิ่งที่ตามมาด้วยกับลมหนาวนั่นก็คือ ฝุ่น PM 2.5 นั่นเอง หลายคนอาจเข้าใจผิด ตื่นเช้ามาเห็นตึกที่อยู่ไกล ๆ ไม่เห็น เลยคิดว่าเป็นหมอก โดยไม่ทันระวังว่านั่นเป็นฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายกับร่างกายของเรา ซึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันฝุ่นเหล่านี้ได้ก็คือ หน้ากาก N95 แต่ครั้นจะให้ใส่หน้ากากทุกวันก็ไม่ไหว เพราะหลายคนก็มักจะบ่นกันว่า หน้ากาก N95 ใส่แล้วหายใจไม่สะดวก อึดอัด รัดแน่นเกินไป จนพาลไม่อยากใส่กัน ยอมสูดฝุ่นเข้าไปดีกว่าต้องมาอึดอัดทรมานกับหน้ากาก และฝุ่นก็ไม่ได้มีเยอะทุกวันด้วย ดังนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำแอพพลิเคชั่นมือถือไว้ให้ช้อปเปอร์ตรวจเช็คค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านกันค่ะ โดยเราขอแนะนำแอพเด่น ๆ 3 แอพ ดังนี้ AirVisual แอพนี้สามารถเช็คค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศแบบ Real-time สามารถบันทึกจุดที่เราต้องการดูค่าฝุ่นเป็นประจำได้ เปรียบเทียบค่าฝุ่นในแต่ละพื้นที่ได้ด้วย ตรวจดูค่าฝุ่นภายในและนอกอาคารได้ แอพสามารถพยากรณ์ค่าฝุ่นล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ดูประวัติค่าฝุ่นย้อนหลังได้ 1 เดือน และสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นเกินระดับความปลอดภัยได้อีกด้วยค่ะ Air4Thai ถ้าคุณต้องการดูค่าฝุ่นแค่เฉพาะในไทยเท่านั้น เราก็ขอแนะนำแอพนี้เลยค่ะ โดยแอพนี้มีหน้าตาที่สวยงาม ใช้งานง่าย โดยข้อมูลมาจากกรมควบคุมมลพิษ อัพเดตทุกชั่วโมง(บางสถานี)ค่ะ นอกจากนี้ ในแอพยังมีเอกสารสาระความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ให้ดาวน์โหลดไปอ่านกันด้วยนะคะ LINE Today หากช้อปเปอร์ไม่อยากจะติดตั้งแอพเพิ่มเติม และมีแอพ LINE อยู่แล้ว ก็สามารถเช็คค่าฝุ่นได้ง่าย ๆ ผ่านแอพ LINE ด้วยการเข้าไปดูในฟีเจอร์พยากรณ์อากาศของ LINE Today จากในหน้า Top แล้วเลื่อนจอลงด้านล่างมาที่แถบพยากรณ์อากาศ
โดยข้อมูลที่ LINE ใช้ อ้างอิงมาจากแอพ AirVisual ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และอัพเดตใหม่ตลอดเวลาค่ะ ทั้ง 3 แอพนี้สามารถโหดลติดตั้งใช้งานได้ฟรีทุกแอพ และใช้งานได้ทั้งใน iOS และ Android ค่ะ เพียงเราเปิดแอพขึ้นมาเช็คข้อมูลก่อนออกจากบ้านหนึ่งครั้ง ว่าค่าฝุ่นวันนี้เป็นอย่างไร ก็จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าควรใส่หน้ากาก N95 ออกจากบ้านไหมแล้วค่ะ หากขึ้นเตือนเป็นสีส้มหรือแดงก็ควรจะใส่หน้ากาก N95 ก่อนออกจากบ้าน แต่ถ้าเป็นสีเขียวหรือเหลืองก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราได้ทำการสำรวจช้อปเปอร์ผ่านกิจกรรมตอบแบบสอบถามลุ้นรับรางวัล ซึ่งสรุปผลข้อมูลได้ดังนี้ จากผลการสำรวจพบว่า ลูกค้าไทยกว่าครึ่งยังมีพฤติกรรมลดการใช้จ่ายต่าง ๆ อยู่ หลังเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 แม้เวลาจะผ่านมาเกินกว่าครึ่งปีแล้วก็ตาม
โดยแบ่งเป็น รอให้สินค้าจัดโปรโมชั่น, ให้ส่วนลด, ลดราคา ฯลฯ ที่ 92% ชะลอการใช้จ่ายทีละมาก ๆ เช่น ซื้อรถ เฟอร์นิเจอร์ หรือไปเที่ยวพักร้อนที่ 67% ตามด้วยการลดทอนสิ่งที่ต้องซื้อใช้รายวันที่ 62% สิ่งที่น่าสนใจคือ มีลูกค้ามากถึง 92% ที่มีพฤติกรรมการรอให้สินค้าจัดโปรโมชั่น, ให้ส่วนลด, ลดราคา ฯลฯ เท่ากับว่า ลูกค้ายังพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง หากสินค้าที่ต้องการมีการจัดโปรโมชั่นหรือให้ส่วนลดที่พอจะจ่ายได้อยู่ ส่วนการลดการซื้อสินค้าทั้งแบบรายวันและจ่ายเป็นก้อนใหญ่นั้น ยังมีการชะลออยู่ทั้งคู่ไม่ต่างกัน ซึ่งมีถึง 2 ใน 3 ของผู้ทำแบบสำรวจทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นสำหรับธุรกิจแล้ว แม้จะเห็นว่าลูกค้าโดยรวมลดกำลังการซื้อลงก็จริง แต่ถ้าจัดโปรโมชั่น ลดราคา หรือให้ส่วนลดที่เหมาะสม ลูกค้าก็ยังสามารถซื้อสินค้าหรือบริการของคุณได้อยู่ ซึ่งเราจะเห็นได้จากธุรกิจหลาย ๆ เจ้า ที่ออกโปรโมชั่นพิเศษออกมา เช่น โรงแรมเปิดให้เช่าห้องอยู่อาศัย สายการบินจัดทัวร์บินไหว้พระทั่วประเทศ หรือร้านอาหารออกสินค้าขนาดเล็กในราคาย่อมเยาว์ให้ได้เลือกซื้อ เป็นต้น แม้การทำตามวิธีนี้จะไม่ได้ทำให้รายได้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก็ทำให้ยังพอมีรายได้เข้ามาหมุนเวียนใช้จ่ายกันภายในได้อยู่ เพื่อประคับประคองธุรกิจให้ยังดำเนินต่อไปได้นั่นเอง |
AuthorHS Brands Global (Thailand) Team Categories
All
Archives
January 2024
|