เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราได้จัดทำแบบสอบถามขึ้น เพื่อศึกษามาตรการการรักษาความสะอาดของร้านค้าในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ว่ามาตรการใดที่ลูกค้าต้องการให้ร้านค้าใช้ ในวันนี้เราได้สรุปข้อมูลทั้งหมดมาให้ชมกันแล้วค่ะ จากการสำรวจพบว่า ลูกค้ายังต้องการให้มีมาตรการรักษาความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อยู่ โดยมาตรการที่ลูกค้าต้องการให้มีเป็นอันดับต้น ๆ มีดังนี้
โดยมาตรการอื่น ๆ ที่ลูกค้าต้องการ มีคะแนนไม่ห่างกันนัก คืออยู่ที่ 60-70% ของลูกค้าที่สำรวจ มีเพียงมาตรการเซ็นชื่อก่อนเข้าร้านเท่านั้น ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าน้อยที่สุด อยู่ที่ 26% จุดที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือ ไม่มีลูกค้าผู้ตอบแบบสอบถามคนใดที่ต้องการให้ร้านค้ายกเลิกมาตรการรักษาความสะอาดเลย แม้ตัวเลขการติดเชื้อภายในประเทศส่วนใหญ่จะเป็น 0 มากว่า 2 เดือนแล้ว จากข้อมูลทั้งหมดสรุปได้ว่า ลูกค้ายังคงให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อยู่ ดังนั้นร้านค้าต่าง ๆ ควรที่จะรักษามาตรการเหล่านี้ไว้เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ PDPA คืออะไร HS Brands อยากพาคุณมารู้จักกับ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019)) หรือ PDPA กัน PDPA คือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกฎหมายน้องใหม่ที่มีผลบังคับใช้ทั้งฉบับตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา พ.ร.บ. นี้ผลบังคับใช้กับทุกองค์กรทั่วโลกที่เก็บข้อมูลคนไทยและไม่ได้จำกัดอาณาเขตแค่ในประเทศไทยเท่านั้น จะว่าไปแล้ว รากของกฎหมายคือมาจากสหภาพยุโรป ที่ได้ออกกฎหมาย "General Data Protection Regulation" หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า "GDPR" บังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลใน 28 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป โดยมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2018 และเหตุการณ์สำคัญที่มีส่วนผลักดันให้เกิดกฎหมาย PDPA นี้คือ คดี Cambridge Analytica ที่เฟสบุ้คทำข้อมูลผู้ใช้ 87 ล้านคนหลุดไป พูดให้ง่ายก็คือ กฎหมายนี้เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้องค์กรใดนำข้อมูลส่วนบุคคลไปขายต่อ ก่อความรำคาญหรือความเสียหายใด ๆ แก่เจ้าของข้อมูล หากมีการละเมิดเกิดขึ้นหรือเจ้าของข้อมูลไม่ต้องการให้นำข้อมูลไปใช้อีกต่อไป เจ้าของข้อมูลก็สามารถบอกถอนสิทธิการให้ใช้ข้อมูลได้และอีกฝ่ายต้องมีการจัดการทันที เนื้อหาสำคัญของ PDPAพ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลฯ ระบุว่า
PDPA ครอบคลุมอะไรบ้าง?
PDPA ถือเป็นกฏหมายที่ก้าวหน้ามาก แม้กระทั่งประเทศที่ "พัฒนาแล้ว" อย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่มีกฎหมายใดที่เทียบเท่า PDPA เลย เนื่องจากกฎหมายในแต่ละมลรัฐมีความแตกต่างกันมาก ข้อกำหนดจึงมีความแตกต่าง และกฎหมายไม่ได้คุ้มครองข้อมูลที่หลากหลาย เน้นให้ความคุ้มครองข้อมูลบางประเภทเท่านั้น เช่น เลขประกันสังคม ข้อมูลด้านการเงินและสุขภาพ อาจเป็นเพราะ SEC ของสหรัฐอเมริกาให้คำแนะนำคร่าว ๆ ว่าบริษัทมหาชนควรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดและความเสี่ยงเท่านั้น กฎหมายสำหรับมลรัฐแคลิฟอเนียถือเป็นเคสตัวอย่างที่ดี โดยเพิ่งประกาศบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา สำหรับเจ้าของธุรกิจในแคลิฟอร์เนียสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมาย CCPA ได้แก่: ✅ ถ้าคุณทำธุรกิจขายข้อมูลของผู้อาศัยในแคลิฟอร์เนีย ให้เตรียมตัวสร้างกลไกในการขอความยินยอมจากผู้เยาว์ (ผู้เยาว์อายุ 13-16 ปีสามารถยินยอมได้เอง ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 13 ปีต้องให้ผู้ปกครองอนุญาต) ✅ จัดเตรียมช่องทางสำหรับติดต่ออย่างน้อย 2 ช่องทาง ได้แก่ อีเมล์ ศูนย์ติดต่อ แบบฟอร์ม เว็บไซต์ เป็นต้น รู้สิทธิ PDPA เพื่อไม่ให้ใครละเมิดและไม่ละเมิดใคร เราเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ได้ทั่วไปหลังกฏหมาย PDPA ประกาศใช้ และเห็นว่ากฎหมายนี้จะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น และนี่คือสิทธิทั้งหมดในกฏหมาย PDPA
ข้อร้องขอต่าง ๆ จากเจ้าของข้อมูลจะต้องจัดการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน - เราได้แจ้งลูกค้าของเราทุกเจ้าให้ทราบถึง Best Practice ที่ควรทำเพื่อไม่ให้ลูกค้าของเรากระทำการใด ๆ ที่ละเมิดพนักงานของพวกเขา - เราได้แจ้งช้อปเปอร์ของเราทุกท่านให้ทราบถึงสิทธิที่พวกเขาพึงมี และเราได้ดำเนินการอย่างสอดคล้องเคร่งครัดกับ PDPA ในการใช้ข้อมูลความคิดเห็น รวมถึงไฟล์เสียงที่ได้จากการตรวจร้านค้า Best Practice สำหรับธุรกิจที่ใช้ mystery shopping เป็นเครื่องมือในการพัฒนาพนักงาน สำหรับภาพรวมทั่วไปแล้ว สิ่งที่บริษัทต้องทำเพื่อรักษาสิทธิของผู้อื่นภายในกฏหมาย PDPA คือ:
สำหรับการทำ Mystery Shopping ในประเทศไทย ซึ่งผู้ว่าจ้างเรียกร้องให้ต้องมีไฟล์เสียงบันทึกการเข้าตรวจแบบไม่เปิดเผยตัว ผู้ว่าจ้างพึงเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนว่า ต้องมีการแจ้งให้พนักงานทราบ (ควรแจ้งทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษร รวมถึงทำความเข้าใจกับพนักงานเพื่อให้เกิดความร่วมมืออันดี) และขอความยินยอมจากพนักงานก่อน การแจ้งให้พนักงานที่จะได้รับการตรวจแบบ Mystery Shopping นั้น บริษัทของผู้ว่าจ้างพึงทราบว่า ต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานของตนก่อนว่าจะมีการอัดเสียงขณะทำงาน หลักปฏิบัติคือ:
Best PractiCE สำหรับ Mystery shopping ในฐานะผู้ให้บริการ Mystery Shopping เราดำเนินธุรกิจของเราด้วยความตั้งใจให้ผู้ว่าจ้างของเราสามารถพัฒนาการบริการของพวกเขาให้มีคุณภาพดีและตอบสนองกับลูกค้าของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น จุดยืนของพวกเราภายใต้กฏหมาย PDPA จึงต้องการสนับสนุนให้ลูกค้าของเราปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและใช้ข้อมูลที่ได้จากการทำ Mystery Shopping ไปใช้พัฒนาพนักงานได้อย่างสร้างสรรค์
สำหรับในส่วนของ Shoppers ก่อนที่จะร่วมงานบริษัทได้ให้ช้อปเปอร์ยอมรับข้อตกลงในการทำงานรวมถึงข้อตกลงการไม่เปิดเผยความลับ และแจ้งให้ทราบว่าข้อมูลที่ได้จากการเข้าตรวจร้านค้าจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาพนักงานของผู้ว่าจ้าง โดยบริษัทจะไม่นำข้อมูลส่วนตัวของช้อปเปอร์ไปส่งต่อ หรือนำไปใช้นอกวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ หากช้อปเปอร์ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลก็สามารถล๊อกอินเข้าไปจัดการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ด้วยตนเอง รวมทั้งหากไม่ต้องการเป็นช้อปเปอร์อีกต่อไปก็สามารถเข้าไป Deactivate บัญชีผู้ใช้ด้วยตนเอง รวมถึงบริษัทมีช่องทางให้ชอปเปอร์ติดต่อได้แก่ เฟสบุ้คเพจ เว็บไซต์ โทรศัพท์ หรือสามารถติดต่อได้ที่อีเมล์ : connect@hsbrandsth.com -------------------------------- ทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย PDPA ควรเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น กฏหมายนี้เป็นกฎหมายใหม่มากจึงมีแนวโน้มในการเลี่ยนแปลงอีกมาก และเป็นหน้าที่ของทุกคนที่เกี่ยวข้องที่จะทำตามกฎหมายอย่างเหมาะสม ------------------------------- ที่มา: https://techsauce.co/tech-and-biz/pdpa-big-data-private-law https://ahead.asia/2018/05/24/facebook-ready-for-gdpr/ https://www.mailerlite.com/blog/california-consumer-privacy-act-ccpa-email-marketing มาดูกันว่า "ไทยชนะ" ทำอะไรบ้างหลังห้างเปิดในที่สุดช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง พวกเราออกไปเดินห้างได้แล้ว และในช่วงเกือบหนึ่งสัปดาห์หลังจากรัฐบาลประกาศนโยบายที่เริ่มคลายล็อกดาวน์ คิวอาร์โค้ด "ไทยชนะ" ก็ถูกนำเสนอต่อประชาชนทั่วไป ไทยชนะคือ? เราสามารถเดินห้างได้อย่างไม่ต้องแคร์อะไรนั้นไม่จริง ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ รัฐบาลเค้าให้ใช้ "ไทยชนะ" ไทยชนะแปลว่าคิวอาร์โค้ดที่รัฐบาลให้ร้านค้าใช้เพื่อป้องกันความหนาแน่นของจำนวนผู้บริโภคต่อวันมากเกินไป เพราะไม่ยอมเป็นทาสโควิดหรอกค่ะ หากประชาชนจะเข้าร้าน ให้สแกนคิวอาร์โค้ดนี้ก่อนเข้าร้าน เมื่อสแกนเสร็จก็จะมีคำถามแสดงขึ้นมาว่าต้องการจะ (1) เช็คอิน หรือ (2) เช็คเอาท์ออกจากร้านค้า ฟังก์ชั่นหลักของเจ้าตัวนี้ คือ
(1) เช็คอินเข้าร้านค้า (2) เช็คเอาท์ออกจากร้านค้า และสามารถประเมินมาตรการป้องกันโควิดเบื้องต้นของร้านค้าได้ "ไทยชนะ" ใช้งานยังไงบ้าง เช็คอิน เมื่อเช็คอินด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด ระบบก็จะตรวจสอบว่าเราเป็นคนเข้าร้านลำดับที่เท่าไหร่ เกินจำนวนโควต้า ณ เวลานั้นที่มีลูกค้าอยู่ในร้านหรือไม่ ถ้ายังไม่เต็ม เราก็จะเข้าร้านได้ แต่หากเราเป็นลำดับที่เกินแล้ว ระบบก็จะแจ้งว่า “เต็ม” ทำให้เราไม่สามารถเข้าร้านได้ เช็คเอาท์ สแกนคิวอาร์โค้ดหากเราต้องการเช็คเอาท์ ระบบก็จะสอบถามมาตราการป้องกันโควิดเบื้องต้นของร้านว่าเป็นอย่างไร โดยที่เราจะประเมินหรือไม่ประเมินก็ได้ หลังจากนั้นก็มีเว็บไซต์มารองรับเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปค้นหาร้านค้าที่ลงทะเบียนไทยชนะ และดูคะแนนของแต่ละร้านค้าว่าได้คะแนนการประเมินมาตรการป้องกันโควิดเบื้องต้นอย่างไร เพื่อใช้ร่วมในการพิจารณาก่อนเข้าร้านค้า มาลองเทสต์กันว่าการใช้งานจริงเป็นอย่างไร ในฐานะของคนที่เข้าห้างและร้านค้าต่างๆ เป็นประจำอยู่แล้วก่อนที่โควิดจะมา มีหรือเราจะพลาดการเข้าห้างในช่วงนี้ เราเองก็อยากรู้ว่ามาตรการนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ใช้งานอย่างไร จะพอทำให้เราสบายใจไปเดินห้างได้มากขึ้นไหม ก็เลยได้ไปลองใช้งานมา 2-3 ครั้งในห้าง และนี่คือผลที่เราได้
แบตเตอรี่มือถือหมดเร็วขึ้น หากคุณมีความตั้งใจที่จะไปเดิน window shopping หรือการซื้อของจริงๆ ก็หมายความว่าคุณจะเดินเข้าหลายร้านมากๆ กรณีนี้ การสแกนคิวอาร์โค้ดแทบจะตลอดเวลาทำให้แบตมือถือคุณหมดเร็วขึ้น เพราะคุณต้องสแกนก่อนเข้าร้านอย่างน้อย 1 ครั้ง (ถ้าคุณเล็งแล้วว่าจะไม่สแกนตอนออก) และโค้ดนี้ต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการเชื่อมต่อเพื่อเช็คอิน ทำให้แบตเตอรี่มือถือของคุณหร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เราแนะนำได้ก็คือ “เตรียมแบตเตอรี่สำรองเถอะ” ประสบการณ์ในการเดินห้างสะดุดมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปกติแล้วคุณจะเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ได้เรื่อยๆ แต่คราวนี้จะเข้าร้านไหนก็ต้องสแกนไม่หยุดไม่หย่อน ประสบการณ์ของคุณหยุดชะงักตลอด แล้วยิ่งพอซื้อของเสร็จของเต็มมือ ก็ต้องคอยมาล้วงหยิบมือถืออีก เสียอารมณ์ไปหมดเลยแหละ ทางแก้ที่เราพอจะทำได้คือ “วางแผนการเดินเล่นในห้าง” กันดีกว่านะ คิดเอาไว้เลยจะไปตรงไหนก่อน (ได้ฝึกวางแผนกันล่ะทีนี้) จะได้ไม่ต้องแบกของพะรุงพะรังไปตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้าย สองสามวันก่อนที่เราไปเดินห้างหรูห้างหนึ่ง มีคุณป้าท่าทางภูมิฐานมาช้อปปิ้งกับครอบครัว เสียงบ่นของคุณป้าลอยมาถึงเราว่า "น่าเบื่อที่สุด ต้องควักเข้าควักออกไม่รู้เท่าไร เพิ่งสแกนเสร็จนี่ก็ต้องมาสแกนอีกละ" ความรู้สึกที่ว่ามันใช้งานได้จริงหรือ? ยอมรับเลยว่าระหว่างเดินเล่นในห้าง แล้วต้องสแกนเข้าออกตลอดว่าเวลาในแต่ละร้าน แล้วพบว่ามันขึ้นแสดงว่า “เต็ม” ทั้งๆ ที่ในร้านนั้นๆ แทบจะไม่มีคนเลยทำให้เกิดความคิดที่ว่า “ทำไปทำไม” นี่ ไม่เห็นได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริงเลย แล้วพอพนักงานเห็นว่าจริงๆ ไม่มีคนในร้าน เขาก็ต้องมาขอชื่อเราและเบอร์โทรศัพท์เราแทนอีก พอเป็นแบบนี้ เราจะทำการสแกนเพื่ออะไรกันล่ะเนี่ย มีช่องโหว่ที่บางคนก็ไม่สแกนเยอะไปหมด แอบเห็นสาวๆ บางคนลงชื่อเป็น "คิม คาดาเชียน" โดยพนักงานก็ไม่ว่าอะไร อ้าว...แบบนี้ก็ได้เหรอ แถมบางห้างเราเห็นตั้งโต๊ะหลายโต๊ะต่อๆ กัน มีสมุดให้ลงชื่อแทนคิวอาร์โค้ดไทยชนะข้างๆ (ตั้งโต๊ะแนวเดียวกับ 7-11 ที่มีแต่คนลงชื่อปลอม เขียนชื่อแบบไม่มีทางอ่านออก ไม่ใส่เบอร์ติดต่อ) ซึ่งยิ่งสยองเข้าไปใหญ่กับการต้องสัมผัสสิ่งต่างๆ ร่วมกัน หลายอย่างที่ทำก็ดูสวนทางกับมาตรการป้องกันโควิดมากๆ รัฐบาลกับหน่วยงานที่ดูแลเค้าจะเอาข้อมูลเราไปทำอะไรหรือเปล่านะ ในฐานะคนที่อยากเดินเล่นในห้างเฉยๆ เราก็ไม่ได้อยากให้ข้อมูลของเราหรอกนะ และยังรู้สึกว่าจะมีไทยชนะไปทำไมกัน ในเมื่อตอนใช้จริงก็ลำบากมากและดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร เราเข้าใจว่าต้องใช้ความร่วมมือทั้งของมุมผู้ประกอบการและลูกค้า แต่ในช่วงที่ลูกค้ายังไม่ชินกัน ผู้ประกอบการก็ต้องออกแรงหน่อย อาจต้องเข้มงวดกับการสแกนออกไม่อย่างนั้นลูกค้าก็จะไม่สามารถเข้าร้านได้ "ไทยชนะ" ทำให้คนบางส่วนเบื่อเดินห้างแม้ว่าห้างเปิดแล้ว แถมมีสินค้าลดราคาเยอะมากๆ และประชาชนเองอยากออกมาเปิดหูเปิดตา แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า “ไทยชนะ” นั้นทำให้การออกมาซื้อของในห้างลำบากและน่าหงุดหงิดมากเกินไป ไม่ได้อยากเสียเวลาสแกนเพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์จริงๆ ต้องดูกันต่อไปว่าภาครัฐจะปรับปรุงหรือมีมาตรการอะไรที่ดีกว่านี้ออกมาไหม มิเช่นนั้นการเปิดหน้าร้านในห้างก็ไม่ได้ทำให้การจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนเท่าใดนัก อ้างอิง: https://www.posttoday.com/social/general/623938 https://www.bbc.com/thai/thailand-52734104 มีกิจกรรมสนุกๆ มาให้ร่วมเล่นกันค่ะ
เพียงกรอกแบบสอบถาม ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที เพื่อได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล คลิกที่นี่เพื่อทำแบบสอบถาม รางวัลคือ เงิน 100 บาท จำนวน 10 รางวัล เซอร์เวย์นี้จะหมดอายุหลังจากวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 นี้ หลังจากนั้นเราจะสุ่มจับรางวัลและแจ้งให้ทราบในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่เพจนี้นะคะ ไปที่เฟสบุ้คของ HSB อย่าลืมคลิก Like เพื่อ Follow เพจเฟสบุ้ค จะได้ไม่พลาดกิจกรรมสนุกๆ และไม่พลาดเวลาที่ได้รับรางวัลค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ จากการระบาดของโคโรน่าไวรัส หรือ COVID-19 ส่งผลกระทบกับร้านอาหารและบาร์ทั่วโลก มนุษย์เรากำลังปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดด้วยความหวัง ผู้ประกอบการร้านอาหารและบาร์ก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน สถานการณ์นอกประเทศ เฉกเช่นในหลายพื้นที่ของอเมริกา รัฐออเรกอนได้อนุญาตให้ร้านอาหารและบาร์จำหน่ายอาหารแบบสั่งกลับบ้านและเดลิเวอรี่เท่านั้น ตามประกาศของผู้ว่าฯ “Restaurants, bars, and other establishments that offer food or beverages for sale are restricted to carry-out and delivery only with no on-site consumption permitted.” นโยบาย Social Distancing ในจีนทำให้บริษัทส่งอาหารมียอดขายเพิ่มขึ้นราว 20% ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายของลูกค้าแบบนั่งกินที่ร้านที่ลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นทั่วโลกด้วยเช่นกัน สถานการณ์ในประเทศ สำหรับประเทศไทย คนไทยเริ่มเดินห้างน้อยลง การเข้าร้านอาหารและสังสรรค์ก็ลดลงด้วย การสั่งอาหารจากแอพลิเคชั่นส่งอาหารมียอดเพิ่มขึ้นมาก การปรับตัวที่น่าชื่นชม การปรับตัวเป็นสิ่งจำเป็น ร้านอาหารก็เช่นกัน ตัวอย่างร้านอาหารที่น่าชื่นชม เช่น Copper บุฟเฟต์นานาชาติระดับพรีเมี่ยม ร้านนี้ใส่ใจมากในการรับมือกับ COVID-19 โดยทางร้านใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อเพิ่มความอุ่นใจและให้ความสุขกับลูกค้าที่มาในร้าน โดยมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน ซึ่งมีมาตรการ 10 ขั้นตอน ดังภาพ ภาพจาก Copper Buffet แม้ประชาชนจำนวนมากจะปฏิบัติตนตามนโยบาย Social Distancing แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านอยู่ ดังนั้นร้านอาหารเองก็ต้องปรับตัวเพื่อสามารถให้บริการได้อย่างปลอดภัย
ร้านอาหารและบาร์ควรปรับตัวและสื่อสารมาตรการดูแลและป้องกันเหล่านี้ให้ลูกค้ารู้ ผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ และควรมีการตรวจสอบตนเองด้วยว่าได้ทำตามมาตรการที่วางไว้อย่างเคร่งครัดเสมอ Sources: https://www.oregon.gov/newsroom/Pages/NewsDetail.aspx?newsid=36192 https://www.natlawreview.com/article/recipe-disaster-impact-covid-19-food-safety-and-food-industry https://www.facebook.com/copperbuffet/posts/1044201669271399?__tn__=-R |
AuthorHS Brands Global (Thailand) Team Categories
All
Archives
January 2024
|